การพิมพ์ผ้า สามารถพิมพ์ได้ทั้งบน เสื้อยืด และ เสื้อโปโล
การพิมพ์ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 7 ประเภท ดังนี้
1. สีน้ำ
สกรีนเสื้อแบบสีจม
คุณสมบัติของสีสกรีนประเภทนี้ เนื้อสีจะมีความละเอียดสามารถซึมลงไปถึงเส้นใยของผ้า และเนื้อสีจะมี ความโปร่งใสเมื่อนำไปสกรีนลงบนเสื้อยืดลวดลายสกรีนจะให้ผิวสัมผัสที่เรียบจนแทบเป็นเนื้อเดียวกับเสื้อ ด้วยเหตุที่เนื้อสีมีความโปร่งจึงนิยมนำไปใช้ในงานสกรีนบนเสื้อสีอ่อน
สกรีนเสื้อแบบสีลอย
คุณสมบัติของสีลอยคือ เนื้อสีจะมีความละเอียดน้อยกว่าสีจม ทำให้เนื้อสีเกาะติดอยู่บนเส้นใยของผ้า เมื่อสกรีนลงเสื้อผิวสัมผัสจะให้ความรู้สึกถึงลวดลายที่มีความหนาขึ้นมาจากเนื้อผ้า และเมื่อลองดึงหรือยืด ลายสกรีนจะสัเกตุเห็นถึงเนื้อสีที่แยกออกจากกันจับอยู่บนผิวของเนื้อผ้าและเนื่องจากเนื้อสีของสีประเภทนี้ จะมีความทึบแสงจึงเหมาะที่จะนำไปสกรีนลงบนเสื้อสีเข้มหรือนำไปสกรีนรองพื้นสีขาวบนเสื้อสีเข้ม แล้วจึงสกรีนทับด้วยสีจม
2. สียาง ( Rubber Print )
การพิมพ์สียางเป็นการพิมพ์แป้งพิมพ์ชนิด waterbase ลงไปบนผ้า ซึ่งสียางสามารถพิมพ์ลงไปบนผ้าได้เกือบทุกเส้นใย
3. สี plastisal ( Plastisol Print )
สามารถพิมพ์ลวดลายที่ต้องการเก็บรายละเอียดมาก ๆ ได้ และสามารถพิมพ์ลวดลายภาพเหมือนจริง (Halftone) ลงบนผ้าสีเข้มหรือสีดำได้เลยทันที โดยไม่ต้องรองพื้นก่อน มีความสามารถในการยึดติดกับชิ้นงานได้มากชนิด ตลอดจนถึงสามารถสร้างงานพิมพ์ที่หลากหลายแปลกตาแตกต่างไปจากสีพิมพ์ผ้าสูตรน้ำ
4. พิมพ์ transfer
4.1.การพิมพ์งาน transfer เป็นแบบการพิมพ์สีพิมพ์ลงไปบนกระดาษ
แล้วก็จะมีการพิมพ์กาวทับลงไปบนสีพิมพ์เพื่อที่จะได้มีการยึดเกาะลงไปบนผ้า ได้ โดยเทคนิคในการพิมพ์งานประเภทนี้จะมีอยู่หลายแบบดังนี้คือ
– การพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์กึ่งอัตโนมัติ โดยพิมพ์สีพิมพ์ผ่านบล็อกสกรีนแล้วก็จะมีการพิมพ์กาวทับลงไปอีกครั้ง โดยในการพิมพ์แบบนี้จะพิมพ์ได้เฉพาะงานพิมพ์ที่ไม่มีความละเอียดมากนัก เช่น การพิมพ์ป้ายไซด์ สำหรับการรีดติดคอเสื้อซึ่งจะไม่มีรายละเอียดมากในส่วนของลวดลาย
– การพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ offset ซึ่งจะมีการพิมพ์ที่ละเอียดกว่าการพิมพ์แบบสกรีน แต่จะเหมาะสมการพิมพ์แบบ ภาพเสมือน เพราะในการพิมพ์จะพิมพ์แบบพิมพ์ 4 สี โดยในการพิมพ์แบบนี้จะใช้เครื่องพิมพ์ ที่มีหัวพิมพ์ 4 หัวพิมพ์โดยจะใช้เพลทในการพิมพ์ซึ่งจะใหค่าความละเอียดของลายพิมพ์มากกว่าการพิมพ์งานแบบสกรีน แต่จะไม่เหมาะกับการพิมพ์แบบสีตายเช่นการพิมพ์ป้ายไซด์
4.2.การพิมพ์งาน transfer ที่ใช้สีพิมพ์ disperse หรือ เรียกอีกอย่างว่าการพิมพ์แบบ sublimation
ในการพิมพ์แบบนี้จะพิมพ์ได้กับเส้นใยที่เป็นโพลีเอสเตอร์และไนล่อน และจะต้องรีดงานที่อุณหภูมิ 200 – 210 องศาเซลเซียสซึ่งในการพิมพ์นี้จะใช้หลักการทางเคมีของสีในการแทรกซึมเข้าไป ในเส้นใยไม่เหมือนงาน transfer ที่อาศัยกาวในการยึดเกาะกับเส้นใย ซึ่งจะมีเทคนิคการพิมพ์ดังนี้
– การพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์สกรีนแบบกึ่งอัตโนมัติ โดยจะพิมพ์สีพิมพ์ลงไปบนกระดาษประเภทกระดาษปอนด์หรืออาร์ตมัน ขึ้นอยู่กับเทคนิคในแต่ละโรงงาน โดยในการพิมพ์แบบนี้จะมีการพิมพ์งานที่ได้งานจำนวนไม่มากนักและเหมาะกับลาย พิมพ์ที่ไม่มีความละเอียดของลวดลายมากนัก
– การพิมพ์โดยใช้เครื่อง offset โดยจะพิมพ์งานที่มีความละเอียดมากๆได้เช่นงานที่เป็นเม็ดสกรีนแต่จะไม่เหมาะ กับการพิมพ์งานที่เป็นสีตาย และในกระบวนการผลิตจะสามารถพิมพ์งานได้มากกว่าการพิมพ์แบบสกรีน
– การพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์แบบ inkjet โดยในการพิมพ์แบบนี้จะมีการพิมพ์ที่มีความละเอียดมากแต่จะมีกำลังการผลิตที่ น้อยกว่าการพิมพ์ในแบบข้างต้น และในการพิมพ์งานแบบนี้จะเหมาะกับการทำงานส่งตัวอย่างลูกค้ามากกว่าการทำแบบ production และเหมาะที่จะทำงานที่เป็น order จำนวนน้อย
5. พิมพ์ฟลอยด์ ทอง เงิน ทองแดง สี metallic
เป็นการพิมพ์กาวลงไปบนผ้าตามลวดลายที่กำหนดแล้วนำผ้าที่พิมพ์กาวแล้วไปรีดฟอยล์ โดยใช้เครื่องรีดโดยรีดที่อุณหภูมิ ประมาณ 140 – 160 องศาเซลเซียส
6. พิมพ์ยางนูน
เหมาะสำหรับทั้งเสื้อผ้าสีเข้มและสีอ่อน ตัวสีจะลอยนูนเด่นขึ้นมาจากเนื้อผ้า เหมาะกับชิ้นงานที่ต้องการภาพ 3 มิติ นูนสูง
7. พิมพ์กากเพชร
มีกากเพชรเงิน,กากเพชรทอง,กากเพชรรุ้ง,กากสีต่างๆ ใช้พิมพ์หรือโรยลงบนชิ้นงานเพื่อให้เกิดมิติ ระยิบระยับ แวววาวเป็นประกาย